เว็บบอร์ด
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

ครอบครัวมุสลิมมีความภูมิใจที่มีศาสนาอันสูงส่ง)

Go down

ครอบครัวมุสลิมมีความภูมิใจที่มีศาสนาอันสูงส่ง) Empty ครอบครัวมุสลิมมีความภูมิใจที่มีศาสนาอันสูงส่ง)

ตั้งหัวข้อ by Profile Mon Aug 04, 2014 8:06 pm


1.ครอบครัวมุสลิมมีความภูมิใจที่มีศาสนาอันสูงส่ง)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﺍَﻹِﺳْﻼَﻡُ ﻳَﻌْﻠُﻮْ ﻭَﻻَ ﻳُﻌْﻠَﻰ {
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ: 2778 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า อิสลามนั้น
( เป็นศาสนาที่ ) สูงส่งไม่มีศาสนาใดเหนือกว่าอิสลาม
"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. ท่านนบี ได้กล่าวยกย่องศาสนาอิสลามว่า
เป็นศาสนาที่สูงส่ง ไม่มีศาสนาใดเหนือกว่าอิสลาม
2. ความสูงส่งของอิสลามนั้นก็เนื่องมาจากอัลลอฮฺ
และพระองค์ทรงรับรองว่าเป็นศาสนาที่ดี
และสมบูรณ์ที่สุด
3. มุสลิมทุกคนต้องมีความภูมิใจ และมีความซาบซึ้ง
ในความโปรดปรานของอัลลอฮฺด้วยนิอฺมัตอัลอิสลาม
และ มุสลิมต้องเสียสละ ปกป้อง รักษาไว้ซึ่ง
ความสูงส่งของอิสลามด้วยการยึดมั่น
และปฎิบัติตามคำสอนของอิส ลามอย่างเคร่งครัด

(2.ครอบครัวมุสลิมต้องตักเตือนกันและกัน)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﺍﻟﺪِّﻳْﻦُ ﺍﻟﻨَّﺼِﻴْﺤَﺔُ {
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ 3416 )
ความว่า"ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ศาสนา ( อิสลาม
เป็นศาสนาที่ให้ ) มีการตักเตือนกันและกัน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.คำว่านะศีหะฮฺหมายถึงความบริสุทธิ์ใจ
หรือการตักเตือน
2.ท่านนบี ให้
ความหมายอย่างหนึ่งของศาสนาอิสลาม คือ ที่มี
ความบริสุทธิ์ใจ ที่มีคำสอนมุ่งเน้นในการให้ตักเตือน
กันและกันเพื่อสร้างปัจเจกบุคคล
ครอบครัวที่มีคุณธรรมและสังคมเปี่ยมด้วยสงบสุข
3.บุคคลใดไม่ยอมใช้นะศีหะฮฺแสดงว่าเขายังไม่
เข้าใจอิสลามที่แท้จริง

(3.ครอบครัวมุสลิมต้องยึดมั่นสุนนะฮฺนบี)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﻟَﻴْﺲَ ﻣِﻨَّﺎ ﻣَﻦْ ﻋَﻤِﻞَ ﺑِﺴُﻨَّﺔِ ﻏَﻴْﺮِﻧَﺎ {
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ 5435 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ไม่ใช่คน
ในกลุ่มของพวกเรา ผู้ที่ปฏิบัติตามสุนนะฮฺ
( แนวทาง ) คนอื่นที่ไม่ใช่สุนนะฮฺของเรา"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. ท่านนบี เตือนผู้ที่ยึดแนวทาง หรือ เอาวิถีชีวิตที่ไม่
ใช่มาจากท่าน คนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนที่ออกจากการ
เป็นสมาชิกประชาชาติของท่านเพราะเขาปฎิบัติที่
ไม่ถูกต้องตามที่ท่านได้ทำแบบอย่างให้
2. สุนนะฮฺของนบี เป็นหลักการสำคัญของอิสลาม
3. ครอบครัวใดที่ประสงค์อยู่ในความถูกต้องจำเป็น
ต้องยึดมั่นและปฎิบัติตามแนวทางของนบี

(4.ครอบครัวมุสลิมอยาก
เข้าสวรรค์อย่าตั้งภาคีต่ออัลลอฮ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ } : ﻣَﻦْ ﻟَﻘِﻲَ ﺍﻟﻠﻪَ ﻻَ ﻳُﺸْﺮِﻙُ ﺑِﻪِ ﺷَﻴْﺌًﺎ
ﺩَﺧَﻞَ ﺍﻟْﺠَﻨَّﺔَ {
( ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ผู้ใดที่
จากโลกนี้ไปสู่อัลลอฮฺโดยไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์
กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย คนนั้นจะได้เข้าสวนสวรรค์"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.มนุษย์ทุกคนหลังจากโลกนี้แล้ว
ต้องกลับไปสู่อัลลอฮฺพร้อมๆกับความเชื่อ
และอามัลต่างๆของเขา
2.ท่านนบี สอนให้เรายึดมั่นในเอกภาพของอัลลอฮฺ
และไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์
3.บุคคลใดที่ยึดมั่นในในเอกภาพของอัลลอฮฺ และ
ไม่ตั้งภาคีต่อพระองค์บุคคลนั้นย่อมได้รับประกัน
เข้าสวรรค์ด้วยความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ
4.คนมุอฺมินจำเป็นต้องรักษาไว้ซึ่งอีหม่านที่เปี่ยม
ด้วยบริสุทธิ์และหลีกเลี่ยง ระมัดระวัง
จากพิษภัยของการตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ

(5.ครอบครัวมุสลิมต้องไม่มีคุณลักษณะของมุนาฟิก)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﺃَﻳَﺔُ ﺍﻟْﻤُﻨَﺎﻓِﻖِ ﺛَﻼَﺙٌ ، ﺇِﺫَﺍ ﺣَﺪَّﺙَ
ﻛَﺬِﺏَ، ﻭَﺇِﺫَﺍ ﻭَﻋَﺪَ ﺃَﺧْﻠَﻒَ، ﻭَﺇِﺫَﺍ ﺍﺅْﺗُﻤِﻦَ ﺧَﺎﻥَ {
( ﻣﺘﻔﻖ ﻋﻠﻴﻪ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า เครื่องหมายของ
ผู้กลับกลอกมีอยู่สามประการ คือ เมื่อเขาพูด
เขาก็โกหก เมื่อเขาสัญญา เขาก็ผิดสัญญา และเมื่อ
เขาได้รับความไว้วางใจเขาก็บิดพลิ้ว"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.ท่านนบี ได้กล่าวถึงสามคุณลักษณะ
และพฤติกรรมของผู้ที่ถูกเรียกว่ามุนาฟิกหรือ
ผู้กลับกลอก
2.การพูดโกหก การผิดสัญญา และการบิดพริ้ว
หรือหลอกลวงเป็นคุณสมบัติสาคัญของมุนาฟิก
3.มุสลิม ทุกคนต้องพูดจริงตรงไปตรงมา
ต้องปฎิบัติตามสัญญาและต้องรับผิดชอบในสิ่งที่
ได้รับมอบหมาย และต้องระมัดระวัง
พร้อมหลีกเหลี่ยงความประพฤติที่ไม่พึ่งประสงค์
ในอิสลาม

(6.ครอบครัวมุสลิมต้องเรียนและสอนอัลกุรอาน)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﺧَﻴْﺮُﻛُﻢْ ﻣَﻦْ ﺗَﻌَﻠَّﻢَ ﺍﻟْﻘُﺮْﺁﻥَ ﻭَﻋَﻠَّﻤَﻪُ {
( ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ผู้ที่ดีที่สุด
ในหมู่พวกท่านคือผู้ที่เรียนและสอนอัลกุรอาน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. อัลกุรอาน
เป็นพระดำรัสของอัลลอฮฺที่ทรงประทานแก่นบี
เป็นคัมภีร์แห่งชีวิตของมุสลิมที่สมบูรณ์ที่สุด
และครอบคลุมในทุกๆด้าน
2. มุสลิมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ อ่าน
สอนอัลกุอานและปฎิบัติตามคำสอนในอัลกุรอาน ซึ่ง
เป็นธรรมนูญของเขาและเขาจะ
ได้รับผลบุญอันมากมายจากอัลลอฮฺ
3. ความประเสริฐที่สุดสำหรับผู้ที่เอาใจใส่
กับอัลกุรอาน

(7. ครอบครัวมุสลิมต้องเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์
ให้มากที่สุด)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ } : ﻣَﺜَﻞُ ﺍﻟْﻤُﺆْﻣِﻦِ ﻣَﺜَﻞُ ﺍﻟﻨَّﺨْﻠَﺔِ ، ﻣَﺎ ﺃَﺧَﺬْﺕَ
ﻣِﻨْﻬَﺎ ﻣِﻦْ ﺷَﻲْﺀٍ ﻧَﻔَﻌَﻚَ {
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ 5846 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า มุอฺมิน
ผู้ศรัทธาเปรียบเสมือนต้นอินทผาลัม สิ่งใดที่ท่านเอา
จากมันมีประโยชน์แก่ท่าน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. ท่านนบี ได้เปรียบเทียบผู้ที่มี
ความศรัทธาเสมือนต้นอินทผาลัมที่มีรากฐานที่มั่นคง
ลำต้นที่แข็งแรง มีใบที่ร่มเงา มีผลให้ได้เก็บเกี่ยว
ซึ่งทุกอย่างให้คุณประโยชน์แก่มนุษย์อย่างมากหมาย
2. ผู้ศรัทธาต้องเป็นเสมือนต้นอินทผาลัม
นั้นคือสร้างคุณประโยชน์แก่ผู้อื่นอย่างเต็มความ
สามารถ
3. ความประเสริฐของมุอฺมินคือมีอีหม่านที่มั่นคง
มีอมัลศอและหฺและได้ทำคุณประโยชน์แก่ผู้
อื่นอย่างสม่ำเสมอ

(8.ครอบครัวมุสลิมต้องแสวงหาความรักของอัลลอฮฺ
ด้วยความอดทน)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﺇِﺫَﺍ ﺃَﺣَﺐَّ ﺍﻟﻠﻪُ ﻗَﻮْﻣًﺎ ﺍﺑْﺘَﻼَﻩُ {
(ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ : 4013 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า เมื่อ
ใดอัลลอฮฺทรงรักพวกหนึ่ง พระองค์
จะทรงทดสอบพวกเขา"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.อัลลอฮฺทรงมีคุณลักษณะที่สูงส่ง หนึ่งในคุณษณะ
นั้นความรักต่อบ่าวของพระองค์
2.กลุ่ม ใด ครอบครัวใดที่ได้รับความรักจากอัลลอฮฺ
เขาเหล่านั้นอัลลอฮทรงทดสอบความเข้มแข็งของ
ความศรัทธา ความจริงใจ และความอดกลั่นของพวก
เขาต่อสิ่งที่พระองค์ทดสอบ
3.ความประเสริฐของผู้ที่ได้รับการทดสอบจากอัลลอฮฺ

(9.ครอบครัวมุสลิมต้องให้สลามกันและกัน)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : }ﻳَﺎ ﺑُﻨَﻲَّ ﺇِﺫﺍ ﺩَﺧَﻠْﺘُﻢْ ﻋَﻠَﻰ ﺃَﻫْﻠِﻚَ ﻓَﺴَﻠِّﻢْ
ﻳَﻜُﻦْ ﺑَﺮَﻛَﺔً ﻋَﻠَﻴْﻚَ ﻭَﻋَﻠَﻰ ﺃَﻫْﻠِﻚَ {
( ﺭﻭﺍﻩ ﺍﻟﺘﺮﻣﺬﻱ ﻭﻗﺎﻝ : ﺣﺴﻦ ﺻﺤﻴﺢ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า โอ้ ลูกรักของฉัน
เมื่อยามใดที่ลูกเข้าบ้านของครอบครัว
จงกล่าวสลามเถิด เพื่อบะเราะกะฮฺ ( สิริมงคล ) จะตก
เป็นของเจ้าและครอบครัวของเจ้า"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.สลามหมายถึงคำกล่าวขอพรต่ออัลลอฮฺเพื่อได้มา
ซึ่งความสันติสุขแก่ผู้ที่ถูกให้สลาม
2.ส่งเสริมการให้สลามระหว่างมุสลิมด้วยกันเนื่อง
จากสลามเป็นเอกลักณ์สำคัญในอิสลาม
3.ทุกครั้งที่จะเข้าพบครอบครัว หรือ เข้าบ้านควร
ให้สลามแก่พวกเขา หรือ ผู้อยู่ในบ้านก่อน
4.การให้สลามแก่ครอบครัวเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้
ได้รับความบะเราะกะฮฺในชีวิตทั้งผู้ให้สลามและ
ผู้รับสลาม
5.อิสลามต้องการให้ครอบครัวมุสลิม
เป็นครอบครัวรักสันติ

(10.ครอบครัวมุสลิมต้องปกปิดสิ่งที่น่าอับอาย)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : } ﻭَﻣَﻦْ ﺳَﺘَﺮَ ﻣُﺴْﻠِﻤًﺎ ﺳَﺘَﺮَﻩُ ﺍﻟﻠﻪُ ﻓِﻰ
ﻳَﻮْﻡَ ﺍﻟْﻘِﻴَﺎﻣَﺔِ {
( ﺭﻭﺍﻩ ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า และผู้ใดเอื้อเฟื้อ
ช่วยปกปิดสิ่งที่น่าอับอายของมุสลิมด้วยกัน
แน่นอนพระองค์อัลลอฮฺ
จะทรงเกื้อหนุนปกปิดสิ่งที่น่าอับอายของเขา
ในวันโลก หน้า"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.มุสลิมกับมุสลิมถือว่าเป็นพี่น้องกัน ต้องช่วยเหลือ
และต้องปกป้องซึ่งกันและกัน
2.มุสลิมที่มีคุณธรรมต้องรักษาและปิดบังสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความน่าอับอายแก่คนอื่น
3.ในวันอาคิเราะฮฺอัลลอฮฺทรงปกปิดความผิดของ
ผู้ที่ปกปิดความผิดของมุสลิม

(11.ครอบครัวมุสลิมต้องมีเมตตาต่อมนุษย์)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻣَﻦْ ﻻَ ﻳَﺮْﺣَﻢِ ﺍﻟﻨَّﺎﺱَ ﻻَ ﻳَﺮْﺣَﻤْﻪُ ﺍﻟﻠﻪُ
( ﺭﻭﺍﻩ ﺃﺣﻤﺪ ﻭﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ ﻭﻣﺴﻠﻢ
ﻭﺍﻟﺘﺮﻣﺬﻱ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ผู้ใดไม่มี
ความเมตตาต่อมนุษย์ เขาก็จะไม่ได้รับความเมตตา
จากอัลลอฮฺ"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.ท่านนบี สอนให้เรามีเมตตา เห็นใจ และทำ
ความดีต่อเพื่อนมนุษย์
2.อัลลอฮฺทรงมีความเมตตาเสมอโดยเฉพาะต่อผู้ที่มี
ความศรัทธาและเชื่อฟังอัลลอฮฺ
3.บุคคลใดที่ไม่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
แล้วเขาก็จะไม่ได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺเช่นกัน

(12.ครอบครัวมุสลิมภรรยาต้องศอลิหะฮฺ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺍﻟﺪُّﻧْﻴَﺎ ﻣَﺘَﺎﻉٌ ﻭَﺧَﻴْﺮُ ﻣَﺘَﺎﻉِ ﺍﻟﺪُّﻧْﻴَﺎ ﺍﻟْﻤَﺮْﺃَﺓُ
ﺍﻟﺼَّﺎﻟِﺤَﺔُ
(ﺭﻭﺍﻩ
ﻣﺴﻠﻢ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า โลกนี้คือปัจจัยแห่ง
ความสุขและปัจจัยแห่งความสุขที่ดีที่สุด
ในโลกนี้คือสตรีที่มีคุณธรรม"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.นบี ได้ประกาศว่าโลกนี้
เป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราว ซึ่งแน่นอนอะคีเราะฮฺ
นั้นเป็นสิ่งอำนวยประโยชน์ที่ถาวรชั่วนิรันดร
2.สิ่งอำนวยประโยชน์ในโลกนี้มีทั้งที่ดี ที่ดีที่สุดและที่
ไม่ดี
สำหรับสิ่งอำนวยประโยชน์ที่ดีที่สุดคือสตรีมุสลิมะฮฺที่มีคุณธรรม
3.มุสลิมะฮฺจะต้องพยายามแสวงหาความประเสริฐ
ให้แก่ตัวเองด้วยการเสริมคุณธรรมในชีวิต

(13.ครอบครัวมุสลิมภรรยาต้องคอยช่วยเหลือสามี
ในเรื่องอาคีเราะฮฺ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻟِﻴﺘَّﺨِﺬَ ﺃَﺣَﺪُﻛُﻢْ ﻗَﻠْﺒًﺎ ﺷَﺎﻛِﺮًﺍ ﻭَﻟِﺴَﺎﻧًﺎ
ﺫَﺍﻛِﺮًﺍ ﻭَﺯَﻭْﺟَﺔً ﻣُﺆْﻣِﻨَﺔً ﺗُﻌِﻴْﻨُﻪُ ﻋَﻠَﻰ ﺃَﻣْﺮِ ﺍﻵﺧِﺮَﺓِ
( ﺻَﺤِﻴْﺢُ ﺍﻟْﺠَﺎﻣِﻊ : 2176 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า คนหนึ่ง
จากพวกท่านจงแสวงหา (สิ่งเหล่านี้ให้เป็นของเขา
คือ ) หัวใจที่เปี่ยมด้วยขอบคุณอัลลอฮฺ
ลิ้นที่ขยันกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ และภรรยาที่คอย
ช่วยเหลือเขาเพื่อประโยชน์ในโลกอะคีเราะฮฺ"
ข้อคิดจากหะดีษ
สามประการที่มุสลิมจำต้องเสริมสร้าง
และแสวงหาเพื่อให้เป็นของตัวเองอย่างสมบูรณ์
1.เสริมสร้างจิตใจเปี่ยมด้วยความซาบซึ้ง สำนึกใน
ความโปรดปรานของอัลลอฮฺ
ด้วยการขอบคุณพระองค์
2. ลิ้นที่เปี่ยมด้วยรำลึกต่ออัลลอฮอย่างสม่ำเสมอ
3.ภรรยาคุณธรรมมีความศรัทธาที่บริสุทธ์ พร้อม
ช่วยเหลือและร่วมมือกับสามี
ในการปฎิบัติสิ่งที่เกี่ยวข้องกับอาคีเราะฮฺ
4.สามประการที่นบีได้แนะนำให้แก่เรานั้น
เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างปัจเจกบุคคล
และครอบครัวคุณธรรมสู่ความภาสุขในวันอาคีเราะฮฺ

(14.ครอบครัวมุสลิมต้องรับผิดชอบในหน้าที่)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻛُﻠُّﻜُﻢْ ﺭَﺍﻉٍ ﻭَﻛُﻠُّﻜُﻢْ ﻣَﺴْﺆُﻭْﻝٌ ﻋَﻦْ ﺭَﻋِﻴَّﺘِﻪِ
ﻭَﺍﻷَﻣِﻴْﺮُ ﺭَﺍﻉٍ ﻭَﺍﻟﺮَّﺟُﻞُ ﺭَﺍﻉٍ ﻋَﻠَﻰ ﺃَﻫْﻞِ ﺑَﻴْﺘِﻪِ ﻭَﺍﻟْﻤَﺮْﺃَﺓُ ﺭَﺍﻋِﻴَﺔٌ
ﻋَﻠَﻰ ﺑَﻴْﺖِ ﺯَﻭْﺟِﻬَﺎ ﻭَﻭَﻟَﺪِﻩِ ﻓَﻜُﻠُّﻜُﻢْ ﺭَﺍﻉٍ ﻭَﻛُﻠُّﻜُﻢْ ﻣَﺴْﺆُﻭْﻝٌ ﻋَﻦْ
ﺭَﻉِِ
( ﺭﻭﺍﻩ ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ ﻭﻣﺴﻠﻢ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ท่านทั้งหลายมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบและท่านทั้งหลายจะถูกสอบสวนเกี่ยว
กับการ ปฎิบัติหน้าที่ของท่าน ผู้นำมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบ สามีมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัวในบ้านของเขา
และภรรยามีหน้าที่ต้อง รับผิดชอบในบ้านของสามี
และลูกๆของเขา ดังนั้นท่านทั้งหลายมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบและท่านทั้งหลายจะถูกสอบสวน เกี่ยว
กับการปฎิบัติหน้าที่ของท่าน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.ท่านนบี ได้ระบุว่ามุสลิมทุกคนถูกกำหนดให้มีหน้าที่
และต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
2.อามีรซึ่งเป็นผู้นำในระดับสูงมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบมากกว่าคนอื่น สามีซึ่งเป็นผู้นำ
ในระดับครอบครัวมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อครอบครัว
และภรรยาซึ่งเป็นผู้จัดการในบ้านของสามีมีหน้าที่
ต้องรับผิดชอบดูแลความ เรียบร้อยในบ้าน
โดยเฉพาะเอาใจใส่ และอบรมลูกๆให้เป็นคนดี
มีคุณธรรม
3. การปฎิบัติหน้าที่ต้องปฎิบัติด้วยความสุจริตใจ
และมีความรับผิดชอบ
4.ทุกๆ หน้าที่ต้องรับผิดชอบนั้นจะถูกประเมิน
และสอบสวนในวันอะคีเราะฮฺ ผู้ใดที่ปฎิบัติอย่างดี เขา
จะได้รับการตอบแทนที่ดี และผู้ใดที่ละเว้น
หรือบกพร่องต่อหน้าที่เขาจะ
ต้องรับโทษอย่างเหมาะสม

(15.ครอบครัวมุสลิมภรรยาต้องภัคดีต่ออัลลอฮฺ
เชื่อฟังสามี)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺇِﺫَﺍ ﺻَﻠَّﺖْ ﺍﻟْﻤَﺮْﺃَﺓُ ﺧَﻤْﺴَﻬَﺎ ﻭَﺻَﺎﻣَﺖْ
ﺷَﻬْﺮَﻫَﺎ ﻭَﺣَﻔِﻈَﺖْ ﻓَﺮْﺟَﻬَﺎ ﻭَﺃَﻃَﺎﻋَﺖْ ﺯَﻭْﺟَﻬَﺎ ، ﻗِﻴْﻞَ ﻟَﻬَﺎ :
ﺍﺩْﺧُﻠِﻲْ ﺍﻟْﺠَﻨَّﺔَ ﻣِﻦْ ﺃَﻱِّ ﺃَﺑْﻮَﺍﺏِ ﺍﻟْﺠَﻨَّﺔِ ﺷِﺌْﺖِ
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ : 660 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า เมื่อสตรี
ได้ทำการละหมาด 5 เวลา ) ต่อวัน ) ถือศีลอด
ในเดือนเราะมะฎอน รักษาอวัยวะเพศของนาง
( ด้วยการห่างไกลจากการผิดประเวณี)
และเชื่อฟังสามีของนาง นางก็จะถูกเชื้อเชิญว่า จง
เข้าสวรรค์ทางประตูใดก็ได้ตามที่นางปรารถนา"
ข้อคิดจากหะดีษ
กิจวัตรสำคัญของภรรยาที่ศอลิหะฮฺมีคุณธรรมคือ
1. ภักดีต่ออัลลอฮฺด้วยการละหมาด 5 เวลาต่อวัน
และถือศีลอดในเดือนเราะมะฏอน เป็นต้น
2. รักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองจากการกระทำ
ในสิ่งก่อให้เกิดความเสียหาย
โดยเฉพาะรักษาอวัยวะเพศของพวกนางจากสิ่งที่
ต้องห้าม
3. รักษาสิทธิสามีซึ่งส่วนหนึ่งคือการเชื่อฟังสามี
4. ภรรยาที่มีคุณธรรมย่อมจะได้รับความโปรดปราน
จากอัลลอฮฺด้วยการตอบแทนที่สมกับความดีงามที่
ได้กระทำไว้ต่อพระองค์ ต่อตัวเองและต่อสามี

(16.ครอบครัวมุสลิมต้องปฎิบัติตามไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻻَ ﻃَﺎﻋَﺔَ ﻟِﻤَﻦ ﻟَﻢْ ﻳُﻄِﻊِ ﺍﻟﻠﻪَ
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ : 7521 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ไม่เป็นที่อนุญาต
ให้เชื่อฟังผู้ที่ไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺ"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. การเชื่อฟังและปฎิบัติตามผู้นำในครอบครัว
และสังคมเป็นหลักสำคัญในอิสลาม
2. งื่อ นไขสำคัญของการเชื่อฟัง
และปฎิบัติตามคนหนึ่งคนใดคือผู้นั้นจะต้องไม่เป็นผู้
ที่ฝ่าฝื่นคำสอนของอัลลอฮฺ หรือ ในสิ่งที่อัลลอฮฺทรง
ไม่อนุญาต
3. อิสลามเสริมสร้างครอบครัวและสังคม
ให้มีจิตสำนึกและยึดมั่นในคุณธรรมเพื่อได้มาซึ่ง
ความผาสุข
(17.ครอบครัวมุสลิมภรรยาต้องไม่เป็นผู้ที่เลวร้าย)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻳَﺎ ﻋَﺎﺋِﺸﺔُ ﻻَ ﺗَﻜُﻮْﻧِﻲْ ﻓَﺎﺣِﺸَﺔً
( ﻣﺴﻠﻢ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า โอ้ อาอิซะฮฺ เธออย่า
เป็นผู้หญิง ( ภรรยา ) ที่เลวทราม"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. นบี ต้องการให้ภรรยามีคุณธรรม
มีกริยามารยาทที่ดีงาม มีศักดิ์ศรีสมกับภรรยาของ
ผู้นำประชาชาติมุสลิมและแม่ของบรรดามุมินีน
2. คำตักเตือนของนบี อันนี้
เป็นคำตักเตือนที่ครอบคลุม
ถึงบรรดาภรรยาคนมุสลิมทุกคนด้วย
3. คำว่า ฟาหิชะฮฺ หมายถึง การกระทำ คำพูด
และมารยาทที่เลวทราม
4. ภรรยาที่มีคุณธรรมต้องไม่ใช้คำพูดที่หยาบคาย
ไม่กระทำสิ่งที่เลวทรามและปราศ
จากมารยาทที่น่าเกลียดในตัวเธอ

(18.ครอบครัวมุสลิมต้องรักษาจริธรรมคุณธรรมภาย)
ในบ้าน

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻭَﻻَ ﺗَﺄْﺫَﻥُ ﻓِﻰ ﺑَﻴْﺘِﻪِ ﺇِﻻَّ ﺑِﺈِﺫْﻧِﻪِ
( ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า และภรรยาจะต้อง
ไม่อนุญาตให้(คนหนึ่งคนใด)เข้า
ในบ้านของสามีเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากผู้
เป็นสามีก่อน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.ภรรยาตามหน้าที่ต้องอยู่ภาย
ใต้การปกครองของสามีจะกระทำสิ่งใดตามอำเภอใจ
ไม่ได้
2.ภรรยาที่มีคุณธรรมต้องรักษาเกียรติยศ
และศักดิ์ศรีของสามีโดยไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้า
ในบ้านของสามีหากยังไม่ไดรับอนุญาตจากผู้เป็นสามี
3.อิสลามมีมาตรการอย่างรัดคุมในการป้องกัน
จากการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสี่อม
ในด้านจริธรรมคุณธรรม
4.สามีภรรยาต้องเข้าใจบทบาท
และหน้าที่ของแต่ละคนเพื่อสร้างครอบครัวคุณธรรมสู่สังคมอุดมสุข

(19.ครอบครัวมุสลิมต้องร่วมมือในการภักดีต่ออัลลอฮฺ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺇِﺫَﺍ ﺍﺳْﺘَﺄْﺫَﻧَﺖْ ﺍﻣْﺮَﺃَﺓُ ﺃَﺣَﺪِﻛُﻢْ ﺇِﻟَﻰ
ﺍﻟْﻤَﺴْﺠِﺪِ ﻓَﻼَ ﻳَﻤْﻨَﻌُﻬَﺎ
(ﺭﻭﺍﻩ
ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻯ ﻭﻣﺴﻠﻢ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า
เมื่อภรรยาของสามีคนหนึ่งคนใดของพวกท่าน
ได้ขออนุญาตไปมัสญิด ก็จงอย่าห้ามนาง"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.เป็นที่อนุมัติสำหรับสตรี หรือ ภรรยาที่
จะออกไปมัสญิด
2.สามี
ไม่ควรห้ามเมื่อภรรยาขออนุญาตไปมัสญิดเพื่อทำอิบาดะฮฺ
โดยเฉพาะละหมาดญะมาอะฮฺเมื่อไม่มีสาเหตุใดที่
ต้องห้าม
3.สามีภรรยาต้องร่วมช่วยกันสร้างคุณธรรม
ในครอบครัวด้วยการภักดีต่ออัลลอฮฺและมี
ความตั้งใจอันสูงส่งที่จะแสวงหาความประเสริฐ
ยังสม่ำเสมอ

(20.ครอบครัวมุสลิมต้องมองโลกในแง่ดีเสมอ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪ : ﻻَ ﻳَﻔْﺮَﻙْ ﻣُﺆْﻣِﻦٌ ﻣُﺆْﻣِﻨَﺔً ﺇِﻥْ ﻛَﺮِﻩَ ﻣِﻨْﻬَﺎ
ﺧَﻠْﻘًﺎ ﺭَﺿِﻲَ ﻣِﻨْﻬَﺎ ﺁﺧَﺮَ
( ﺭﻭﺍﻩ ﻣﺴﻠﻢ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ชายผู้ศรัทธาคนหนึ่ง
จะต้องไม่รังเกียจหญิงผู้ศรัทธา ถ้าหากว่าเขา
ไม่พอใจในนิสัยอย่างหนึ่งที่ไม่ดีในตัวเธอ ย่อมพอใจ
กับนิสัยที่ดีอีกอย่างหนึ่งในตัวเธอ"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. มนุษย์ย่อมไม่มีใครปลอดจากข้อบกพร่อง
ในแง่ต่างๆ เช่นเดียวกับ สตรี หรือภรรยา
ผู้มีศรัทธาย่อมจะ
ต้องมิไร้คุณลักษณะที่ดีไปเสียทุกคน
2. กฎเกณฑ์อย่างหนึ่งที่สามารถมาประยุกต์ใช้ได้
ในทุกๆกรณีในการคบค้าสมาคมกับคน
อื่นคือควรมองภาพในแง่บวก มิใช่มองในแง่ลบเสมอ
3. ภรรยาต้องพยายามสร้างบุคลิกภาพ
และจริยธรรมอิสลามอย่างสมบูรณ์ที่สุดให้แก่ตัวเอง
และสามีต้องพยายามเข้าใจภรรยาเสมอ

(21.ครอบครัวมุสลิมสามีต้องเป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุด)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺧَﻴْﺮُﻛُﻢْ ﺧَﻴْﺮُﻛُﻢْ ﻷَِﻫْﻠِﻪِ ﻭَﺃَﻧَﺎ ﺧَﻴْﺮُﻛُﻢْ
ﻷَِﻫْﻠِﻲْ
( ﺻﺤﻴﺢ
ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ : 3266 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ผู้ที่ประเสริฐที่สุด
ในหมู่พวกท่านได้แก่บุคคลที่ปฎิบัติทำดีที่สุดต่อครอบ
ครัวของเขาและฉันเป็น
ผู้ปฎิบัติทำดีที่สุดต่อครอบครัวของฉันในหมู่พวกท่าน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.นบี ได้ทำแบบอย่างที่ดีในการปฎิบัติต่อครอบครัว
พร้อมกล่าวยกย่องผู้ที่ปฎิบัติดีต่อครอบครัวของเขา
2.การ ทำดีต่อครอบครัวหมาย
ถึงการปฏิบัติตามที่กฎหมายอิสลามกำหนด
ไว้ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่บกพร่องและ
ไม่ละเลยต่อหน้าที่เว้นแต่ที่เกินความสามารถที่
จะปฏิบัติได้
3.สามีต้องพยายามเรียนรู้และเอาแบบอย่าง
จากนบีเกี่ยวกับบทบาทของท่านต่อครอบครัว

(22.ครอบครัวมุสลิมต้องมีจริธรรมที่งดงามที่สุด)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺃَﻛْﻤَﻞُ ﺍﻟْﻤُﺆْﻣِﻨِﻴْﻦَ ﺇِﻳْﻤَﺎﻧًﺎ ﺃَﺣْﺴَﻨُﻬُﻢْ
ﺧُﻠُﻘًﺎ
( ﺻﺤﻴﺢ
ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ 1230: )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า บรรดามุอฺมินที่มี
ความศรัทธาที่สมบูรณ์ที่สุด คือ
บุคคลที่มีมารยาทดีที่สุดในหมู่พวกเขา"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.อิสลามให้ความสำคัญกับความสมบูณ์ของอีหม่าน
และความดีงามของจริธรรม
2.การมีจรรยามารยาทที่ดีงาม
สามารถยกระดับอีหม่านให้อยู่ในความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
3.บุคคล ครอบครัวที่ประเสริฐที่สุดคือผู้ที่มีทั้งอีหม่าน
และจริยธรรม คุณธรรมอยู่ในตัว

(23.ครอบครัวมุสลิมต้องสุภาพ อ่อนโยน นุ่มนวล)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺇِﺫَﺍ ﺃَﺭَﺍﺩَ ﺍﻟﻠﻪُ ﺑِﺄَﻫْﻞِ ﺑَﻴْﺖٍ ﺧَﻴْﺮًﺍ ﺃَﺩْﺧَﻞَ
ﻋَﻠَﻴْﻬِﻢْ ﺍﻟﺮِّﻓْﻖَ
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ : 303 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า
เมื่ออัลลอฮฺทรงประสงค์ความดี
ให้แก่ครอบครัวหนึ่งครอบครัวใด พระองค์จะทรง
ให้พวกเขามีความประพฤติดี สุภาพอ่อนโยน"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.เป็นเอกสิทธิ์ของอัลลอฮฺที่จะทรงประสงค์
ให้แก่ครอบครัวหนึ่งครอบครัวใดได้รับความดี
และประทานคุณลักษณะความดีงาม
2.เอกลักษณ์สำคัญของครอบครัวคุณธรรม
และอุดมสุขคือครอบครัวที่มีคุณลักษณะละมุนละม่อม
นุ่มนวล
3.สามีภรรยาต้องแสวงหาความดีให้แก่ครอบครัว
ด้วยการพึ่งอัลลอฮฺและ
ต้องประดับประดาจริธรรมอันงดงามโดยเฉพาะ
ความสุภาพ อ่อนโยน

(24.ครอบครัวมุสลิมต้องรู้จักให้ให้เกียรติแขกผู้เยี่ยม)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻣَﻦْ ﻛَﺎﻥَ ﻳُﺆْﻣِﻦُ ﺑﺎﻟﻠﻪِ ﻭَﺍﻟْﻴَﻮْﻡِ ﺍﻵﺧِﺮِ
ﻓَﻠْﻴُﻜْﺮِﻡْ ﺿَﻴْﻔَﻪُ
( ﻣﺘﻔﻖ ﻋﻠﻴﻪ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า บุคคล
ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันอะคิเราะฮฺเขาจง
ให้เกียรติแก่แขกของเขา"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.ความสำคัญของการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
และต่อวันอะคีเราะฮฺ
2.อิสลามสอนศรัทธาชนให้มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้
อื่นด้วยการให้เกียรติซึ่งกันและกัน
3.การให้เกียรติแก่แขกผู้มาเยี่ยม
เป็นสัญญาณหนึ่งแห่งความศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
และวันอะคีเราะฮฺ
4.การไม่เอาใจใส่ต่อแขกผู้มาเยี่ยมเป็นสัญญาณแห่ง
ความบกพร่องในอีหม่าน

(25.ครอบครัวมุสลิมต้องเอาใจใส่กับเพื่อนบ้าน)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻟَﻴْﺲَ ﺍﻟْﻤُﺆْﻣِﻦُ ﺑِﺎﻟَّﺬِﻯْ ﻳَﺸْﺒَﻊُ ﻭَﺟَﺎﺭُﻩُ
ﺟَﺎﺋِﻊٌ ﺇِﻟَﻰ ﺟَﻨْﺒِﻪ
(ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ : 5382 )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ไม่เป็น
ผู้ศรัทธาที่แท้จริงสำหรับผู้ที่อิ่มเอิบ
ในขณะเพื่อนบ้านของเขาหิวโหย"
ข้อคิดจากหะดีษ
1. อีหม่านที่สมบูรณ์จำเป็นต้องเสริมด้วยจริยธรรม
คุณธรรมที่ดีงามอย่างสม่ำเสมอ
2.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้อีหม่านไม่สมบูรณ์คือการ
ไม่เอาใจใส่กับเพื่อนบ้าน
3. ผู้ศรัทธาที่ประเสริฐจะไม่ยอมให้เพื่อนบ้านของเขา
อยู่ในความอดยากไม่มีกินในขณะเขา
นั้นนอนหลับค้างคืนด้วยท้องอิ่มเอิบ

(26.ครอบครัวมุสลิมต้องมีความสัมพันธ์ดีกับเครือญาติ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﻻَ ﻳَﺪْﺧُﻞِ ﺍﻟْﺠَﻨَّﺔَ ﻗَﺎﻃِﻊُ ﺭَﺣِﻢٍ
( ﻣﺘﻔﻖ ﻋﻠﻴﻪ )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ผู้ที่ตัดขาด
ความสัมพันธ์จากเครือญาติจะไม่ได้เข้าสวรรค์"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.อัลลอฮฺทรงได้เตรียมสวรรค์และนรกไว้
แล้วสำหรับมนุษย์
2.มนุษย์มีทั้งคนที่มีสิทธิเข้าสวรรค์และผู้ที่ไม่มีสิทธิ
ด้วยสาเหตุต่างๆ
3.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้มนุษย์ไม่ได้
เข้าสวรรค์คือละเว้นการมีความสัมพันธ์ที่ดี
กับเครือญาติ
4. มุสลิมจะต้องไม่ตัดขาดจากเครือญาติจะ
ด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม ยิ่งเครือญาติที่เป็นพ่อและแม่ พี่
และน้อง

(27.ครอบครัวมุสลิมต้องรู้ว่าการอดทนคือความสำเร็จ)

ﻗَﺎﻝَ ﺭَﺳُﻮْﻝُ ﺍﻟﻠﻪِ : ﺍﻟﻨَّﺼْﺮُ ﻣَﻊَ ﺍﻟﺼَّﺒْﺮِ ﻭَﺍﻟْﻔَﺮَﺝُ ﻣَﻊَ ﺍﻟْﻜَﺮْﺏِ
ﻭَﺇِﻥَّ ﻣَﻊَ ﺍﻟْﻌُﺴْﺮِ ﻳُﺴْﺮﺍً
( ﺻﺤﻴﺢ ﺍﻟﺠﺎﻣﻊ 6806: )
ความว่า "ท่านรสูล ได้กล่าวว่า ชัยชนะจะมากับ
ความอดทนเสมอ ความบรรเทาทุกข์จะมากับ
ความยากลำบากและความยากจะมาพร้อมๆกับ
ความง่ายเสมอ"
ข้อคิดจากหะดีษ
1.การใช้ชีวิตในโลกนี้เราอาจจะเผชิญปัญหาอุปสรรค์
และความยากลำบากต่างๆนานาซึ่งเป็นกฎเกณฑ์
และการทดสอบจากอัลลอฮฺ
2.ท่านนบี ได้ให้หลักการต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรค์
วิกฤต และความทุกข์ในชีวิตคือการใช้ความอดทน
อดกลั้นและความมั่นใจต่อสัญญาของอัลลอฮฺ
3. ความสำเร็จ ความสงบสุข และความง่ายมัก
จะเกิดขึ้นพร้อมๆกับความยากลำบาก และ
ความทุกข์เสมอ



Ali Habibullah Khan Pathan
Profile
Profile
Admin

จำนวนข้อความ : 266
Join date : 25/07/2013

http://abcde555.blogspot.com/

ขึ้นไปข้างบน Go down

ขึ้นไปข้างบน


 
Permissions in this forum:
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ